เมื่อรู้สึกเป็นไข้ เรามีวิธี การวัดไข้ และเช็คระดับอุณหภูมิที่เป็นไข้ด้วยตัวเองง่ายๆ โดยการใช้อุปกรณ์ในการวัดไข้ (Thermoemter) ซึ่งอาการไข้เกิดจากร่างกายเกิดการติดเชื้อ จีงทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติ คือ จะมากกว่า 37.5 องศา จะเกิดอยู่เพียงชั่วคราวเฉพาะในช่วงเกิดโรคหรือมีการเจ็บป่วยเท่านั่น
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ (Thermometer)
- การเลือกวิธีการวัดไข้ให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
- การอ่านผลในการวัดไข้และระดับของการเป็นไข้
- บทสรุป
อุปกรณ์ที่ใช้ใน การวัดไข้ (Thermometer)
การวัดไข้ คือการวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยการใช้เทอร์โมมิเตอร์ใส่เข้าไปในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อประเมินระดับอุณหภูมิ ซึ่งอุปกรณ์ในการวัดไข้ก็จะมีหลายชนิด ขึ้นอยู่ความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น อายุของผู้ป่วย ความแม่นยำ ความสะดวกและความรวดเร็วในการวัด ราคา เป็นต้น อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการวัดอุณหภูมิร่างกาย มีดังนี้
1. เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบปรอทแก้ว (Mercury Thermometer)
- ข้อดี ของปรอทแก้ว
>> ราคาถูก
>> สามารถนำไปวัดอุณหภูมิได้หลายทาง ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก
>> มีความแม่นยำสูง
- ข้อเสีย ของปรอทแก้ว
>> ใช้เวลาในการวัดนานประมาณ 3-5 นาที
>> อ่านค่ายาก
>> มีโอกาสแตกได้ซึ่งจะได้รับอัตรายจากสารปรอท
- วิธีการวัดไข้โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทแก้ว
การวัดไข้โดยใช้ปรอทให้ถูกวิธี ก่อนวัดปรอททุกครั้ง ต้องสลัดปรอท ให้อยู่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า 95องศาฟาเรนไฮต์
>> การวัดทางปาก ให้อมปรอทไว้ลิ้น ปิดปากให้สนิท และทิ้งไว้นาน 1-2 นาที ไม่ควรวัดหลังดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็นมาใหม่ๆ ต้องรออย่างน้อย 15 นาทีก่อน
>> การวัดทางทวารหนัก มักใช้ในเด็กเล็ก หรือทารกแรกเกิด ให้นำปรอทสอดเข้าทวารหนักประมาณ 1-2 ซม. โดยใช้มือซ้ายจับขาเด็กทั้งสองข้างขึ้น วัดนาน 1-2 นาที
>> การวัดทางรักแร้ กระเปาะปรอทต้องอยู่ด้านในกลางรักแร้ ทิ้งไว้นาน 3-5 นาที
2. เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบดิจิตอล (Digital Thermometer)
- ข้อดี ของปรอทวัดไข้ดิจิตอล
>> ราคาไม่แพงมาก
>> สามารถนำไปวัดอุณหภูมิได้หลายทาง ทั้งทางปาก รักแร้ และทวารหนัก
>> อ่านค่าง่าย จะแสดงผลเป็นตัวเลขให้อ่านง่าย
>> มีสัญญาณเตือนให้อ่านผลเมื่อวัดอุณหภูมิเสร็จแล้ว
>> มีความแม่นยำสูง
- ข้อเสีย ของปรอทวัดไข้ดิจิตอล
>> ใช้เวลาในการวัดค่อนข้างนานประมาณ 30 -120 วินาที
3. เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดวัดไข้ทางหู (Ear Infrared Thermometer)
- ข้อดี ของปรอทวัดไข้ทางหู
>> ใช้เวลาในการวัดเร็วประมาณ 1 วินาที เหมาะสำหรับเด็ก
>> อ่านค่าง่าย จะแสดงผลเป็นตัวเลขให้อ่านง่าย
>> มีความแม่นยำสูง
- ข้อเสีย ของปรอทวัดไข้ทางหู
>> ราคาสูง
4. เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดวัดไข้หน้าผาก (Forehead Infrared Thermometer)
- ข้อดี ของปรอทวัดไข้ทางหน้าผาก
>> ใช้ง่าย
>>ใช้เวลาในการวัดเร็วประมาณ 1 วินาที เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
>>อ่านค่าง่าย จะแสดงผลเป็นตัวเลขให้อ่านง่าย
>> วัดแบบสัมผัสตัว หรือไม่ต้องสัมผัสตัวก็ได้ เหมาะที่จะใช้งานกับสถานที่ที่มีคนเยอะๆ
- ข้อเสีย ของปรอทวัดไข้ทางหน้าผาก
>> ราคาสูง
การเลือกวิธี การวัดไข้ ให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
การวัดอุณหภูมิร่างกายสามารถวัดได้หลายทาง ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน วิธีการวัดไข้ที่นิยมใช้กันจะแบ่งเป็น 5 วิธี ดังนี้
1. การวัดไข้ทางปาก คือการใช้ปรอทวัดไข้แก้วหรือปรอทวัดไข้ดิจิตอล วัดอุณหภูมิจากใต้ลิ้น โดยการอมปรอทวัดไข้ไว้ในปากใต้ลิ้น
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ทางปากคือ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบปรอทแก้ว และ เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอล
- การวัดไข้ทางปาก เหมาะกับ การใช้วัดเด็กที่มีอายุมากกว่า 5 ปี และผู้ใหญ่ที่รู้สึกตัวดี
2. การวัดไข้ทางรักแร้ คือการใช้ปรอทวัดไข้แก้วหรือปรอทวัดไข้ดิจิตอล วัดอุณหภูมิจากรักแร้ โดยการหนีบปรอทวัดไข้ไว้ที่รักแร้
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ทางรักแร้ คือ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบปรอทแก้ว และ เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอล
- การวัดไข้ทางรักแร้ เหมาะเด็กทารกและเด็กเล็ก และผู้ป่วยทั่วไป เป็นวิธีการวัดไข้ที่สะดวกและง่าย แต่ความแม่นยำอาจจะไม่เท่ากับการวัดไข้ทางปากและทวารหนัก และใช้เวลาในการวัดนานกว่า
3. การวัดไข้ทางทวารหนัก คือการใช้ปรอทวัดไข้แก้วหรือปรอทวัดไข้ดิจิตอล วัดอุณหภูมิจากทวารหนัก โดยการสอดปรอทวัดไข้เข้าไปในรูทวาร
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ทางทวารหนัก คือ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบปรอทแก้ว และ เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอล
- การวัดไข้ทางทวารหนัก เป็นวิธีที่นิยมใช้กับเด็กทารกและเด็กเล็ก แต่ควรวัดโดยผู้เชียวชาญ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บได้
4. การวัดไข้ทางหู คือการใช้เครื่องวัดอุณหูมิระบบอินฟราเรด วัดอุณหภูมิทางหู โดยการสอดปรอทวัดไข้เข้าไปในช่องหู
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ทางหู คือ เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดวัดไข้ทางหู
- การวัดไข้ทางหู เหมาะกับเด็กเล็ก เนื่องจากอ่านผลการวัดได้รวดเร็ว และมีความเม่นยำค่อนข้างสูง
5. การวัดไข้ทางหน้าผาก (By Forehead) คือการใช้เครื่องวัดอุณหูมิระบบอินฟราเรด วัดอุณหภูมิทางหน้าผาก โดยการใช้ปรอทวัดไข้จ่อบริเวณหน้าผาก
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดไข้ทางหน้าผาก คือ เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดวัดไข้ทางหน้าผาก
- การวัดไข้ทางผาก เหมาะกับการวัดคนทั่วไป ที่ต้องการใช้ความเร็วในการวัดไข้ วัดอุณหภูมิคนจำนวนมาก แต่ความแม่นยำในการวัดอาจจะน้อยกว่าการวัดอุณหภูมิทางหู และขึ้นอยู่กับระยะห่างของเครื่องวัดกับหน้าผากผู้ถูกวัดด้วยถ้าระยะห่างมากเกินไป ความแม่นยำจะน้อยลงไปด้วย ระยะห่างที่เหมาะสมคือ 0-5 ซม.
การอ่านผลใน การวัดไข้ และระดับของการเป็นไข้
เมื่อเราทำการวัดไข้ โดยใช้อุปกรณ์ในการวัดอุณหภูมิร่างกาย ชนิดต่างๆ แล้ว นำค่าอุณหภูมิที่ได้ มาอ่านผลการวัดอุณหภูมได้ ดังต่อไปนี้
- อุณหภูมิของร่างกายปกติ จะอยู่ในช่วง 36.0 – 37.5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิที่เป็นไข้ จะสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
>> ไข้ต่ำ 37.6 – 38.4 องศาเซลเซียส
>> ไข้ปานกลาง 38.5 – 39.4 องศาเซลเซียส
>> ไข้สูง 39.5 – 40.5 องศาเซลเซียส
>> ไข้สูงมาก มากกว่า 40.5 องศาเซลเซียส
- อาการที่แสดงว่ามีไข้
>> ถ้ามีไข้หรืออุณหภูมิของร่างกายมากกว่า 5 องศาเซลเซียส ในบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดามตัว หรือหนาวสั่นร่วมด้วย
>> อ่อนเพลีย ซึมหรือในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี อาจมีอาการชักได้ถ้าไข้สูงหรือมีประวัติเคยชักมาก่อน ต้องรีบเช็ดตัว และให้ยาลดไข้ช่วย
- การดูแลและการรักษาเมื่อมีอาการไข้
>> ระหว่างมีไข้ ให้ดื่มน้ำมากๆ ทั้งน้ำหวาน น้ำผลไม้ นมก็ได้เพื่อให้น้ำช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี ไม่ควรสวมเสื้อหลายชั้น หรือห่มผ้าหนาๆ
>> เช็ดตัวลดไข้ เพื่อเป็นการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย ถ้ามีอาการปวดศีรษะร่วมกับการใช้กระเป๋าน้ำแข็งประคบบริเวณศีรษะและหน้าผาก
>> ให้ยาลดไข้ตามความเหมาะสม เช่น ในเด็กให้ยาพาเซตามอล น้ำเชื่อมขนาดตามอายุของเด็ก ผู้ใหญ่ให้พาราเซตามอลชนิดเม็ด (500 มิลลิกรัม) 1-2 เม็ด
>> ให้ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 2,500-3,000 มิลลิลิตร ต่อวัน ยกเว้นในรายที่เป็นโรคไต โรคหัวใจ
>> ให้นอนพักมากๆ ในห้องที่มีอุณหภูมิไม่สูง อากาศถ่ายเทได้สะดวกและอากาศบริสุทธิ์ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ลดกิจกรรมในการใช้พลังงานลดลง เป็นการลดการใช้ออกซิเจน การเผาผลาญอาหารของร่างกาย
>> ทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่ายมีประโยชน์ต่อร่างกายและห้พลังงานสูง เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น
>> สังเกตความผิดปกติ เช่น สีผิวหนัง อากาศหนาวสั่น อาการเพ้อ ชัก เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือทัน
บทสรุป
การวัดอุณหภูมิร่างกายนั้นมีหลากหลายวิธี และเครื่องมือที่ใช้ในการวัดไข้ก็มีหลายรูปแบบ จึงขอสรุปปัจจัยที่ใช้ในการเลือกวิธีการวัดไข้และเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ดังนี้
- อายุของผู้ป่วย
- ระดับความแม่นยำของผลที่ได้จากการวัด
- ความสะดวกในการใช้งาน
- เวลาที่ใช้วัด
- ราคาของเครื่องวัดไข้