การอ่านค่าความดันโลหิต-เกณฑ์ความดันโลหิต
การอ่านค่าความดันโลหิต-เกณฑ์ความดันโลหิต ความดันโลหิตมี 2 ค่า คือ
ความดันตัวบน(Systolic) คือ เป็นความดันช่วงที่หัวใจบีบตัว
ความดันตัวล่าง (Diastolic) คือ เป็นความดันช่วงหัวใจคลายตัว
โรคความดันโลหิตสูง คือ ภาวะที่ความดันโลหิตค่าใดค่าหนึ่งหรือทั้งสองค่าสูงกว่าค่า ปกติต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์
วิธีการประเมินว่าความดันโลหิตของคุณสูงหรือไม่
ให้วัดความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตทันทีหลังจากติ่นนนอน และก่อนนอน โดยวัดช่วงละ 2 ครั้ง ห้างกันประมาณ 2-3 นาที วัดอย่างน้อย 7 วันต่อเดือน
วิธีการคำนวณค่าความดันโลหิตเฉลี่ย นำค่าความดันโลหิตดตัวบนของครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ของทั้ง 7 วันมาบวกกันและ หารด้วย 24 และทำแบบเดียวกันสำหรับความดันโลหิตตัวล่าง
หากค่าความดันโลหิตเฉลี่ยที่สูงกว่า 135 มม. ปรอท (ความดันโลหิตตัวบน) และ/หรือ 85 มม. ปรอท (ความดันโลหิตตัวล่าง) คุณอาจมีภาวะความดันโลหิตสูง ควรรีบปรึกษาแพทย์
เกณฑ์ความดันโลหิต (หน่วยวัดความดันเป็น มม.ปรอท)
องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดค่ามาตรฐานของความดันโลหิต ไว้ดังนี้
- ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสม
ความดันตัวบน ต่ำกว่า 120 มม. ปรอท
ความดันตัวล่าง ต่ำกว่า 80 มม. ปรอท
- ค่าความดันโลหิตปกติ
ความดันตัวบน 120 – 129 มม. ปรอท
ความดันตัวล่าง 80 – 84 มม. ปรอท
- เสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง
ความดันตัวบน 130 – 139 มม. ปรอท
ความดันตัวล่าง 85 – 89 มม. ปรอท
- ค่าความดันโลหิตสูงขั้นที่ 1
ความดันตัวบน 140 – 159 มม. ปรอท
ความดันตัวล่าง 90 – 99 มม. ปรอท
- ค่าความดันโลหิตสูงขั้นที่ 2
ความดันตัวบน 160 – 179 มม. ปรอท
ความดันตัวล่าง 100 – 109 มม. ปรอท
ตารางอ่านค่าอัตราการเต้นของหัวใจ
ประเภท จำนวนครั้งต่อนาที
ดีเยี่ยม 40 – 60 ครั้งต่อนาที
ดี 61 – 70 ครั้งต่อนาที
พอใช้ 71 – 85 ครั้งต่อนาที
สูงเกินไป 86 – 100 ครั้งต่อนาที
ผิดปกติ มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
โรคความดันโลหิตสูงจะก่อให้เกิดปัญหากับ
โรคความดันโลหิตสูงมักถูกมองว่าเป็นฆาตกรเงียบ จากความร้ายกาจที่มักไม่แสดงอาการ คนส่วนใหญ่จึงสังเกตไม่เห็น จนกว่าจะมีอาการแทรกซ้อน และหากไม่ได้รับการรักษาก็จะก่อให้เกิดปัญหากับ
- สมอง ทำให้เกิดหลอดเลือดตีบ แตก ตัน ก่อให้เกิดอัมพฤกษ์อัมพาต
- หัวใจ ก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ ตัน และ หัวใจขาดเลือด
- ไต ทำให้ไตวายเรื้อรัง
- ตา ทำให้เลือดออกที่จอตา และประสาทตาเสื่อม
รู้ทันฆาตกรเงียบ ด้วยการวัดความดันที่บ้าน
เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงอันตราย เราจึงควรรู้ค่าความดันโลหิตของเราให้ดี ที่สำคัญเราควรวัดความดันโลหิตที่บ้านเป็นประจำด้วย 2 สาเหตุหลัก คือ
- บางคนเป็นโรคกลัวหมอ ดังนั้นการให้หมอหรือพยาบาลวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาล อาจทำให้เครียดหรือกังวล ทำให้ค่าความดันโลหิตสูงกว่าความจริง
- ความดันโลหิตของเราเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน ขึ้นกับกิจกรรมที่ทำ ความเครียด เวลาที่วัด เราจึงควรวัดความดันโลหิตที่บ้านในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อจะได้รู้สภาวะความดันโลหิตเฉลี่ยที่ถูกต้องของเราในขณะพัก เมื่อวัดได้ว่าความดันโลหิตสูงขึ้น เราจะได้ทราบว่าเกิดจากเหตุปัจจัยอะไร
สัญญาณเตือนของโรคความดันโลหิตสูง
รีบพบแพทย์ หากมีอาการปวดหรือเวียนศรีษะ เจ็บหน้าอก เลือดออกที่จมูกบ่อยๆ รู้สึกเมื่อยล้า มีปัญหาการมองเห็น เพราะนี่เป็นสัญญาณเตือนของโรความดันโลหิตสูง
คุณเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่
ความดันโลหิตสูงเป็น 1 ใน 5 โรคที่คนไทยเป็นกันมากที่สุดนอกจากโรคเบาหวาน หัวใจ มะเร็ง และอัมพาต โดยกว่า 30% ของคุณไทยที่อายุ 45 – 70 ปี ป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนคนอายุมากกว่า 70 ปี ป่วยเป็นโรคนี้ถึงกว่า 50%
ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่
- อยู่ในวัยกลางคน ความดันโลหิตสูงพบมากในคนอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป
- มีน้ำหนักตัวมาก หัวใจจึงต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายแรงขึ้น
- เป็นโรคเบาหวาน คนเป็นเบาหวานมีโอกาสความดันโลหิตสูงกว่าคนไม่เป็นเบาหวาน
- สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มกาแฟ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเพิ่มความดันโลหิต
- เครียด คนในเมืองจึงมีโอกาสความดันโลหิตสูงมากกว่าคนในชนบท
- รับประทานเค็ม เพราะเมื่อรับประทานเกลือโซเดียมมากๆร่างกายจะกระตุ้นให้อยากดื่มน้ำ เมื่อภายในร่างกายมีน้ำมากขึ้น ระบบหมุนเวียนโลหิตก็ยิ่งต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงในที่สุด
วิธีป้องไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง
คุณสามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลความดันโลหิตสูงได้หลายวิธี ซึ่งดีกว่าการรักษาที่ปลายเหตุด้วยการกินยา
ลดน้ำหนักส่วนเกิน ควบคุมดัชนีมวลกาย(BMI) ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
วิธีคำนวณ BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม)/ส่วนสูง (เมตร)^2
เกณฑ์ ดัชนีมวลกาย (BMI)
เหมาะสม 18.5- 22.9
น้ำหนักมาก 23.0 – 24.9
อ้วน มากกว่า 25.0
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินวันละ 10,000 ก้าว ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นทั่วโลกพบว่าสามารถ ช่วยลดค่าความดันโลหิต เลิกดื่มแอลกอออล์ และงดสูบบุหรี่
กินอาหารลดความดัน ลดเกลือโซเดียม (กินน้ำปลาไม่เกิน1/2 ช้อนโต๊ะ/มื้อ) หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด กินผักผลไม้สดและปลามากขึ้น กินเนื้อสัตว์น้อยลง โดยเฉพาะเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ที่มีหนังติดมัน และเนื้อปรุงแต่ง เช่น ไส้กรอก หมูแฮม เบคอน
หายใจช้า+ฝึกสมาธิ เพราะการหายใจช้า คือ หายใจต่ำกว่า 10 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลา 15 นาทีต่อวัน จะช่วยลดความดันได้ และการฝึกสมาธิยังช่วยให้เราหายใจช้าลงและช่